วิธีติดตั้ง zabbix server และ zabbix agent

วิธีติดตั้ง Zabbix-server  แนะนำหาเครื่องเปล่าๆ ลง centos 7 เพียวๆนะครับ ไม่ควรมีอะไรอยู่ครับ

yum -y update
yum -y install httpd httpd-devel
yum -y install mariadb-server mariadb
yum -y install php php-cli php-common php-devel php-pear php-gd php-mbstring php-mysql php-xml

systemctl start httpd
systemctl start mariadb.service
systemctl enable mariadb.service

mysqladmin -u root password 123456
## 123456 ใส่พาสของ dbที่ต้องการ

ติดตั้ง repo zabbix เลือกเอาตาม version centos

CentOS/RHEL 7:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/7/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el7.noarch.rpm

CentOS/RHEL 6:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/6/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el6.noarch.rpm

CentOS/RHEL 5:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/5/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el5.noarch.rpm

 

yum install -y zabbix-server-mysql zabbix-web-mysql zabbix-agent zabbix-java-gateway

 

#mysql -u root -p
mysql> CREATE DATABASE zabbixdb CHARACTER SET UTF8;
mysql> GRANT ALL PRIVILEGES on zabbixdb.* to zabbix@localhost IDENTIFIED BY ‘zabbix123456’;
mysql> FLUSH PRIVILEGES;
mysql> quit

nano /etc/zabbix/zabbix_server.conf

แก้ config db
DBName=zabbixdb
DBUser=zabbix
DBPassword=Your.Password.Here

cd /usr/share/doc/zabbix-server-mysql-3.2.3
zcat create.sql.gz | mysql -u zabbix -p zabbixdb

 

systemctl start zabbix-server.service
systemctl start zabbix-agent.service
systemctl restart httpd.service
systemctl restart mariadb.service
systemctl enable zabbix-server.service
systemctl enable zabbix-agent.service

แก้ php config
nano /etc/httpd/conf.d/zabbix.conf

php_value max_execution_time 300
php_value memory_limit 128M
php_value post_max_size 16M
php_value upload_max_filesize 2M
php_value max_input_time 300
php_value date.timezone Asia/Bangkok

systemctl restart httpd

 

Start Zabbix Web Installer

http://localhost/zabbix/
http://127.0.0.1/zabbix/
http://domainname.com/zabbix/

 

วิธีติดตั้งฝั่ง Agent Centos

ติดตั้ง rpm
CentOS/RHEL 7:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/7/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el7.noarch.rpm

CentOS/RHEL 6:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/6/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el6.noarch.rpm

CentOS/RHEL 5:
# rpm -Uvh http://repo.zabbix.com/zabbix/3.2/rhel/5/x86_64/zabbix-release-3.2-1.el5.noarch.rpm

yum -y install zabbix-agent

nano /etc/zabbix/zabbix_agentd.conf

แก้ Server= เป็นไอพีเครื่อง zabbix server

 

/etc/init.d/zabbix-agent restart

 

วิธีติดคั้ง Agent debian กรณี debian 7 ขึ้นไปเท่านั้น กรณี debian อื่นต้องไปหา repo ใหม่ ใช้ร่วมกับ proxmox ที่ debian 7 ได้
cat /etc/debian_version
wget http://repo.zabbix.com/zabbix/2.0/debian/pool/main/z/zabbix-release/zabbix-release_2.0-1wheezy_all.deb
dpkg -i zabbix-release_2.0-1wheezy_all.deb
apt-get update
apt-get install zabbix-agent
service zabbix-agent restart

 

 

 

เช็คสถานะว่า zabbix เชื่อมต่อได้ไหม ทำจาก zabbix server ไปยัง zabbix agent
yum -y install zabbix-get
/usr/bin/zabbix_get -s 103.7.56.100 -p10050 -kagent.version

 

อันนี้ผมเขียนเตือนความจำตัวเองนะครับ อาจจะไม่ชัดเจน หรือเอาตามความเข้าใจผมไปบ้าง

หากท่านใดติดปัญหา สามารถส่งเมลมาที่ [email protected] นะครับ

วิธีการเซ็ต relay mail ไปใช้ ip อื่นชั่วคราว

หากท่านใดใช้ email เป็นหลักคงปฏิเสธไม่ได้นะครับ ว่าเจอปัญหา backlist ip อยู่บ้าง  ทำให้ประสบปัญหาลุกค้าส่งเมลไม่ออก หรือส่งแล้วตีกลับ

ก่อนดูวิธีการทำ โปรดทราบว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ชั่วคราวเท่านั้น และเครื่องต้นทางต้องแก้ไขปัญหา สาเหตุของการเกิดปัญหาก่อนนะครับ ไม่งั้น ไอพีปลายทางที่เราไปใช้ ก็จะติด backlist ด้วยนะครับ

 

เพิ่มไอพี white list ในเครื่องปลายทางโดยการนำ ip ต้นทางไปใส่

nano /etc/virtual/whitelist_hosts

 

กลับไปที่เครื่องต้นทาง แล้วเข้า

nano /etc/exim.conf

ค้นหา lookuphost แล้วใส่ # ทั้งบรรทัด

 

เอาข้อความนี้ไปใส่ด้านล่าง lookuphost
send_to_gateway:
driver = manualroute
domains = ! +local_domains
condition = “${perl{check_limits}}”
transport = remote_smtp
route_list = * xxx.xxx.xxx.xxx #<– แก้ไส่ไอพีที่ทำ mail gateway

 

สั่งแก้ dns ทั้งเครื่อง

 

perl -pi -e ‘s/mx ip4:ไอพีเก่า/mx ip4:ไอพีใหม่/’ /var/named/*.db

 

##Set spf
cd /var/named
perl -pi -e ‘s/~all/-all/’ *.db
cd /usr/local/directadmin/data/templates/custom
cp ../dns_txt.conf .
perl -pi -e ‘s/~all/-all/’ dns_txt.conf

 

ขั้นตอนการติดตั้ง joomla โดย Asiagb.com

1.ขั้นตอนแรกต้องไปดาวโหลดไฟล์ที่นี่ https://www.joomla.org/download.html

2.โหลดไฟล์ joomla 3.4.5

1

3.อัพโหลดไฟล์ joomla เข้าเว็บไซต์จริงโดยใช้โปรแกรม File Zilla

1. เปิดโปรแกรม File Zilla โดยในช่อง host เราจะได้จากผุ้ให้บริการ Host ที่เราไปเช่ามา
2. ช่อง Username เราจะได้จากผุ้ให้บริการ Host ที่เราไปเช่ามา
3. ช่อง Password เราจะได้จากผุ้ให้บริการ Host ที่เราไปเช่ามา แล้วเอารายละเอียดพวกนี้มากรอกให้ครบ โดยช่อง port ไม่ต้องใส่แต่ถ้าอยากใส่ก็ใส่ 21 ลงไปนะครับ
4. ไฟล์โปรแกรม joomla ที่เราจะอัพโหลดขึ้นบนโฮสนะครับ
5. อันนี้คือฝั่งโฮสที่เราจะอัพไฟล์ขึ้นไปนะครับ

2

6.ให้ดับเบิ้ลคลิกที่โฟร์เดอร์ joomla 3.4.5 install ก็จะพบไฟล์ทั้งหมด แล้วก็ลากเมาส์ครอบให้หมดทุกโฟรเดอร์นะครับ คลิกขวาเลือกอัพโหลดไฟล์ขึ้นไปไว้ที่ public_html แต่อย่าลืมเลือกฝั่งขวามือของเราก่อนนะครับ โดยให้ดับเบิ้ลคลิกเข้าไปที่ public_html ก่อน แล้วค่อยเลือกอัพโหลดไฟล์ครับ
7.ไฟล์ที่เราอัพโหลดทั้งหมดก็จะไปโผล่ที่ โฟรเดอร์ public_html
38.นำไฟล์ที่จะติดตั้งย้ายเข้าโฮสผ่านโปรแกรม FTP เมื่อเปิดโปรเเกรม FTP ขึ้นมาจะเห็นว่ามี 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นฝั่งเครื่องตนเอง ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งของ Server ให้ย้ายโปรแกรมจากฝั่งเครื่องไปฝั่ง Server โดยการลากไฟล์จากฝั่งซ้ายไปฝั่งขวา แล้วตั้งค่า Permission ไฟล์ให้เป็น 777 (ให้คลิ๊กขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์นั้นๆ แล้วคลิ๊กสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ ค่าตัวเลขเลือกเป็น 777 ถ้าโฟลเดอร์ไหนมี (Cache Directory) ให้เลือกตอนกำหนดสิทธิ์ด้วยว่า ทำซ้ำลงไปใน Directory ย่อย) ดังนี้
– administrator/components
– administrator/language
– administrator/language/en-GB
– administrator/language/overrides
– administrator/manifests/files
– administrator/manifests/libraries
– administrator/manifests/packages
– administrator/modules
– administrator/templates
– components
– images
– images/banners
– images/sampledata
– language
– language/en-GB
– language/overrides
– libraries
– media
– modules
– plugins
– plugins/authentication
– plugins/captcha
– plugins/content
– plugins/editors
– plugins/editors-xtd
– plugins/extension
– plugins/finder
– plugins/quickicon
– plugins/search
– plugins/system
– plugins/user
– templates
– configuration.php
– cache (Cache Directory)
– administrator/cache (Cache Directory)
– logs (Log directory)
– tmp (Temp directory)

4

9. พิมพ์ 777

5

สร้างฐานข้อมูล MySQL สำหรับเว็บบอร์ด DirectAdmin
10.คลิก MySQL Management

6

11.คลิกคำสั่ง Create new Database

7

12.พิมพ์ข้อมูลลงไปทั้ง 4 ช่อง
13.แล้วคลิก Create
8

14.หลังจากได้สร้างฐานข้อมูล MySQL เสร็จแล้วก็จะแสดงข้อมูลออกมาในหน้าจอ ให้ก็อปปี้เก็บไว้ เราจะต้องใช้ในการติดตั้งเว็บบอร์ด joomla

9

เริ่มการติดตั้ง Joomla 3.3 ในเว็บไซต์จริง
15. เริ่มการติดตั้งโดยพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เช่น http://ชื่อโดเมน/installation/index.php ก็จะเข้าสู่หน้าจอให้ติดตั้ง
16.คลิกเลือกภาษาที่ต้องการแสดงในขณะติดตั้งในส่วน Select Language
17.ในหน้าจอการติดตั้ง Joomla ให้ตั้งค่าต่างๆ ซึ่งมีส่วนที่ต้องกำหนดค่าดังนี้
– Site Name พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ลงไป เช่น SiteTH.com
– Description พิม์สโลแกนเว็บไซต์ลงไป ข้อมูลนี้สำคัญ เพราะเป็นข้อมูลที่พวก Google, Yahoo, Bing หรือ Search Engine จะมาเก็บข้อมูลไปใช้งาน จึงต้องใช้ข้อความที่สื่อความหมายที่น่า สนใจเกี่ยวกับเว็บไซต์ของเรา
– Admin Email พิมพ์อีเมล์ของเราลงไป ห้ามผิด เพราะรหัสผ่านการเข้าปรับแต่ง Joomla จะถูกส่งไปที่นี่
– Admin Username พิมพ์ชื่อผู้ใช้ลงไป ปกติโปรแกรมจะตั้งชื่อเป็น Admin
– Admin Password พิมพ์รหัสผ่านลงไป แนะนำให้พิมพ์ในโปรแกรม Notepad แล้วก็อปปี้มาวาง จะได้เหมือนกัน
– Confirm Admin Password พิมพ์รหัสผ่านลงไปอีกครั้ง แนะนำให้พิมพ์ในโปรแกรม Notepad แล้วก็อปปี้มาวาง จะได้เหมือนกัน
18. เสร็จแล้วคลิก Next ทำงานต่อไป
10

19.ป้อนรายละเอียดเกี่ยวกับฐานข้อมูล MySQL ลงไป รายละเอียดส่วนนี้คือส่วนที่เราจดไว้ตอนสร้างฐานข้อมูล   ในข้อ 14 นะครับ
– Host Name ปกติจะเป็น local host
– Username ป้อนลงไป ตามที่ได้สร้างไว้ใน
– Password ป้อนลงไป ตามที่ได้สร้างไว้ใน
– Database Name ป้อนลงไป ตามที่ได้สร้างไว้ใน
20.เสร็จแล้วคลิก ถัดไป
11

21.จะไปขั้นตอนให้ดูภาพโดยรวมของสิ่งที่จะติดตั้ง และให้เลือกลักษณะการติดตั้ง ให้ใช้แบบมาตรฐานไปก่อน ก็คือ none หรืออาจจะเลือก Sample Data แบบต่างๆ เพื่อติดตั้ง พร้อม ข้อมูลตัวอย่าง มีหลายแบบเช่น Blog English … แนะนำให้เลือก Learn Joomla English เพราะมีตัวอย่างที่ดีมาก สามารถดัดแปลงเป็นเว็บไซต์ของเราได้ง่ายที่สุด เมื่อเทียบกับตัวอย่างแบบอื่นๆ
22. คลิก ติดตั้ง
12

23.จะไปขั้นตอนสุดท้าย แจ้งว่าได้ติดตั้งเสร็จแล้ว Congratulation! Joomla! Is now installed. จะมีตัวเลือก 2 ทาง
– Site คลิกเพื่อไปดูหน้าตาเว็บไซต์ที่ได้ (อย่าเพิ่งคลิกในตอนนี้)
– Administrator คลิกเพื่อเข้าระบบของ Joomla (อย่าเพิ่งคลิกในตอนนี้)

13

24.เข้าไปในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ของ Joomla ก่อน แล้วลบโฟลเดอร์ installation คลิกเลือก
25. แล้วกด Delete ที่แป้นพิมพ์ เพื่อลบได้เลย

14

26.จากนั้นกลับไปหน้าสุดท้ายของการติดตั้งในข้อที่ 23 หากต้องการดูผลงานหน้าตาเว็บไซต์ที่ได้ ให้กดปุ่ม CTRL ที่แป้นพิมพ์ค้างไว้แล้วคลิกที่ Site
ตัวอย่างหน้าตาเว็บที่ได้ จะเป็นหน้าจอโล่งๆ เพราะเราเลือกแบบ None ไม่ติดตั้งข้อมูลตัวอย่างแต่อย่างใด

15

27. กรณีเลือก Administrator เพื่อเข้าระบบไปจัดการบอร์ด ให้ป้อน Username และ Password

16

28. หน้าจอในกรณีที่เข้าระบบ การจัดการกับเว็บไซต์ ปรับแต่ง ทำบทความ เราจะเข้าระบบแบบนี้ ให้ก็อปปี้ URL เก็บไว้ด้วย เวลาจะเข้าระบบจะได้ไม่ต้องพิมพ์ เพราะยาวมาก เสร็จเรียบร้อยครับ

17